รับจำนองบ้านนครราชสีมา ที่ดิน จำนองอสังหาฯ จำนำโฉนด อนุมัติผลไว อันดับ 1 จำนองที่ดิน ไม่เช็คเครดิตขายฝากที่ดิน จำนองคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว ทุกชนิด ครบวงจร
ขายฝากที่ดินนครราชสีมา
จำนองที่ดินนครราชสีมา
จำนองโฉนดที่ดินนครราชสีมา
รับจำนองบ้านที่ดินนครราชสีมา
จำนองโฉนดนครราชสีมา
รับจำนองบ้านนครราชสีมา
ขายฝากที่ดินนครราชสีมา ดอกเบี้ยต่ำ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว
ลดภาระดอกเบี้ย มีเงินเหลือ เปลี่ยนที่ดิน บ้าน หรือคอนโดให้เป็นเงินกู้ถูกกฏหมาย บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยต่ำ
การขายฝากบ้านพร้อมที่ดินนครราชสีมา
นครราชสีมา ขายฝากบ้านที่ไหนดี
ขายฝากบ้านนครราชสีมา
นครราชสีมา ขายฝากบ้านติดธนาคาร
รับขายฝากที่ดินนครราชสีมา

รับจำนองบ้านนครราชสีมา ที่ดิน ที่ไร่ ที่นา ที่สวนและ อสังหาริมทรัพย์ จำนองโฉนดที่ดิน ไม่ดูที รับแค่โฉนด *ส่งโฉนดแค่หน้าหลัง ถ้ามีราคาประเมินยิ่งดี รับจำนองดอกเบี้ย เริ่มต้น 1.25 % ต่อเดือน
จำนองที่ดินนครราชสีมา บ้าน อาคาร ที่นา ที่สวน ที่ไร่ แบบลดต้นลดดอก มีเงินต้นทยอยให้ได้ เดือนถัดไปดอกเบี้ยก็ลดตามวงเงินกู้ที่ลดลงขั้นตอนแรกขอดูแค่เอกสารโฉนดหรือนส.3 กหน้าหลังชัดๆ เพื่อจะดูพิกัดใน (google กูเกิ้ล) ได้เลย

จำนำโฉนดที่ดิน คือ การนำโฉนดที่ดินต่างๆ ที่ลูกหนี้ปลอดภาระจำนองมาวางค้ำประกันการกู้ยืมเงิน หลักทรัพย์ที่ดินที่สามารถเอามาใช้ ได้แก่โฉนดที่บ้าน ที่นา ไร่สวน ตึก อาคาร คอนโด เป็นต้น โดยทางบริษัทและสถาบันการเงินต่างๆ จะปล่อยสินเชื่อโดยอ้างอิงจากมูลค่า
ของหลักทรัพย์ค้ำประกันการจำนำโฉนดที่ดินเพื่อนแท้เป็นการกู้ยืมเงินโดยไม่ต้องไปจดจำนองกับกรมที่ดิน ทำให้ผู้กู้ได้รับความสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาทำธุรกรรมที่กรมที่ดิน และประหยัดค่าธรรมเนียมในการจดจำนองประมาณ 1% ของวงเงินกู้

รับจำนองโฉนดที่ดินนครราชสีมา จำนองบ้าน ที่ดิน ที่ดินบ้าน ดูจากตัวทรัพย์สิน ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันดูที่ตั้งทรัพย์ ความคงทน ใหม่ หรือ เก่า ในเมือง นอกเมือง ทำเล สถานที่ตั้งตามความเหมาะสม เราดูด้วยตา และ พิจารณา ภายในวันเดียว และ ตามความต้องการความจำนงที่ต้องการใช้เงินตามความเหมาะสมของเจ้าของทรัพย์ กำลังของเจ้าของทรัพย์ด้วย เราต้องการแต่ดอกเบี้ย เท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินของท่านเราไม่รู้ว่าที่หลุดมาแล้วจะไปขายให้ใคร ไม่ว่าใครก็ตามที่ปล่อยเงินกู้ไม่มีใครอยากได้ทรัพย์สินทุกคนอยากได้แต่ดอกเบี้ยเท่านั้น ลูกค้าทุกคนที่ทำจำนอง เราไม่จำกัดวงเงินกู้

รับจำนองโฉนดที่ดินนครราชสีมา ที่ไร่ ที่นา ที่สวน ที่ดิน ที่นา ที่ว่างเปล่า ที่สวน ที่ไร เราดูจากจากทรัพย์สินที่จะขอยื่นกูดูทำเลตามความเหมาะสมของหลักการทุกอย่างเหมือนกับทรัพย์ บ้าน ที่เขียนมามาเบื้องต้นข้อที่ผ่านมาข้างบน บางครั้งดูจากราคาประเมิน จากสำนักงานที่ดินเท่านั้น
เราพิจารณาจากราคาประเมิน 60% - 80% ของราคาประเมิน ( ประเมินต้องจากสำนักงานที่ดินเท่านั้น) บางครั้งดูที่แล้วอนุมัติเลยเพียงวันเดียว หลักการก็เหมือนกันทุกอย่างกับทรัพย์สินที่มีสิ่งปลูกสร้างแต่ที่ดินเปล่าจะดูราคาอ้างอิงจากราคาประเมินบางครั้งบางพื้นที่นครราชสีมา

1. สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน (เจ้าของโฉนดเท่านั้น ) ไม่รับกรณีมอบอำนาจ ต้องเจ้าของ
2. โฉนดเท่านั้นที่จะขอยื่นกู้ได้ เพราะเวลาเซ็นเอกสารก็เจ้าของทรัพย์เท่านั้น
3. โฉนดที่ดิน - นส.3 ทรัพย์สินที่จดจำนอง
4. ใบเปลี่ยนชื่อ ( ในกรณีเปลี่ยนชื่อ นามสกุล )

หลักเกณฑ์การจำนำ
ผู้จำนำที่ดินจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินที่จะจำนอง
สัญญารับจำนำโฉนดที่ดินเพื่อนแท้ต้องทำเป็นหนังสือสัญญาระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ ไม่ต้องไปจดจำนองที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ทำให้ประหยัดเวลาและค่าธรรมเนียม
เจ้าของโฉนดที่ดินต้องเอาโฉนดตัวจริงมาวางเป็นหลักประกันให้กับผู้ให้กู้ หลังเซ็นสัญญาเงินกู้แล้วผู้กู้ก็จะได้เงินกลับไปบ้านทันทีหลังทำสัญญาเสร็จ
บัตรประชาชน+ทะเบียนบ้าน ฉบับจริง
โฉนดที่ดินฉบับจริง (เพื่อเอามาดูสภาพ)
ใบประเมินและใบระวาง อายุไม่เกิน 45 วัน และสำเนาโฉนดฉบับกรมที่ดิน จากกรมที่ดิน (กรณีที่ดินวงเงินเกิน 100,000)
บัญชีธนาคาร

1.เราบริษัทจำนองที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
2.รูปแบบอสังหาริมทรัพย์หลักที่เราให้บริการสินเชื่อ โฉนด ที่ดิน
3.พื้นที่ให้บริการสินเชื่อ โฉนด จำนอง ขายฝาก ครอบคลุมพื้นที่
4.หลักการพิจารณาสินเชื่อ โฉนด จำนอง
5.สิ่งที่ทำให้ลูกค้าใช้บริการกับเรา
6.ขั้นตอนการพิจารณา
7.เอกสารในการพิจารณา
8.เป้าหมายของเรา
9.สรุปการ ใช้บริการรับจำนองบ้าน ที่ดิน กับเราดีอย่างไร
ในการจำนอง ขายฝาก บ้านที่ดิน ทางบริษัท มีหลักพิจาณา ดังนี้
1.พิจารณาจากหลักทรัพย์ โดยดูจากราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
2.ความเป็นเจ้าของ(ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน) ในการทำสัญญาเจ้าของต้องรับรู้โดยเจ้าตัวต้องเป็นคนทำธุรกรรมเอง หมายเหตุ กรณีใบมอบอำนาจต้องพิจารณาเป็นเคสๆอีกที
3.ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญๆ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
4.รูปแบบของทรัพย์ ที่นา บ้าน คอนโด เป็นต้น
5.ทำเลและศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์
เอกสารในการพิจารณา
1.รูปถ่าย โฉนดที่ดินหน้า-หลัง ชัดเจนเต็มใบ ที่สามารถให้เราอ่านแล้วรู้เรื่อง
2.ราคาประเมิน(ถ้ามี) จากสำนักงานที่ดิน หรือจะเป็นใบเสร็จ สีฟ้าจ่ายเงินภาษีที่จะมีราคาประเมินบอก
3.ใบระวาง(ถ้ามี)
4.รูปถ่ายพื้นที่จริง 2-3 รูป
5.เพื่อให้เกิดความรวดเร็วแนะนำถามพนักงานว่าที่ของเราใช้เอกสารอะไรบาง คลิก

มาทำความรู้จักกับ “ การจำนอง ” ที่รู้แล้วจะไม่ทำให้คุณนั้นเป็น “ แกะดำ ”
การจำนอง คือ การที่บุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้จำนอง” ได้ทำการนำอสังหาริมทรัพย์ของตน เช่น ที่ดินหรือทรัพย์ที่กฎหมายอนุญาตให้จำนองได้ ไปจดทะเบียนไว้กับบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้รับจำนอง” เพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ ทั้งนี้โดยผู้จำนองไม่ต้องส่งมอบที่ดินหรือทรัพย์สินดังกล่าวนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้กู้เงินจากนาย B เป็นจำนวนเงินสด 1 แสนบาท โดยนาย A ได้นำที่ดินของตนไปจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้เงินกู้จำนวน 1 แสนบาท ที่นาย A ได้กู้ไปจากนาย B โดยนาย A ไม่ต้องส่งมอบที่ดินของตนให้แก่นาย B และนาย A ยังคงมีสิทธิครอบครองและใช้สอยที่ดินของตนได้ตามปกติ
การจำนอง เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้แก่ผู้รับจำนองนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายกรณีนั้นก็คือ
1.การจำนอง ทรัพย์ของตนเองเพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ของตนเอง
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้กู้เงินจากนาย B 1 แสนบาท โดยนาย A นำที่ดินซึ่งเป็นของตนเองไปจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้เงินกู้ของนาย A เอง
2.การจำนอง เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ของบุคคลอื่น
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้กู้เงินจากนาย B เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท โดยนาย C ได้นำที่ดินของตนไปจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่นาย A ได้กู้ไปจากนาย B
ทรัพย์สินที่อาจใช้ในการจำนองได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ได้ 2 ประเภท คือ
1.อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างทุกชนิดอันติดอยู่กับที่ดินนั้น
2.สังหาริมทรัพย์ ที่จำนองได้ คือ
2.1)เรือกำปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ที่มีระว่างตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป
2.2)แพ
2.3)สัตว์พาหนะ
2.4)สังหาริมทรัพย์อื่นๆ ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติให้จดทะเบียนจำนองได้เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่เป็นต้น
หลักเกณฑ์ใน การจำนอง
1.ผู้จำนองต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในทรัพย์ที่จะจำนอง
2.สัญญาจำนอง ต้องทำเป็นหนังสือและนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นสัญญาจำนองจะเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพันแก่คู่สัญญาแต่อย่างใด ในการกู้ยืมเงินนั้นมีอยู่เสมอ ที่ผู้กู้ได้นำเอาโฉนดที่ดินของตนไปมอบให้แก่ผู้ให้กู้เก็บรักษาไว้เฉยๆ เพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ โดยไม่มีการทำเป็นหนังสือและไม่ได้นำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีนี้ไม่ใช่การจำนอง ผู้ให้กู้หาไม่ได้มีสิทธิใดๆ ในที่ดินตามโฉนดแต่อย่างใด ได้แค่เพียงกระดาษโฉนดไว้ในครอบครองเท่านั้น ดังนั้น ถ้าผู้ให้กู้ประสงค์ที่จะให้เป็นการจำนองตามกฎหมายแล้ว จะต้องทำเป็นหนังสือและนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
3.ต้องไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจรับจดทะเบียนจำนองตามกฎหมาย กล่าวคือ
3.1)ที่ดินที่มีโฉนดต้องนำไปจดทะเบียนที่กรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร (สาขา) หรือสำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) ซึ่งที่ดินนั้นต้องอยู่ในเขตอำนาจ
3.2)ที่ดินที่ไม่มีโฉนด ได้แก่ที่ดิน น.ส. 3 ต้องไปจดทะเบียนที่อำเภอ ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ในเขตอำนาจ
3.3)การจำนองเฉพาะบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างไม่รวมที่ดินต้องไปจดทะเบียนจำนองที่อำเภอ
3.4)การจำนองสัตว์พาหนะ หรือแพ ต้องไปจดทะเบียนที่อำเภอ
3.5)การจำนองเรือต้องไปจดทะเบียนจำนองที่กรมเจ้าท่า
3.6)การจดทะเบียนเครื่องจักรต้องไปจดทะเบียนที่กระทรวงอุตสาหกรรม
ผลของสัญญาจำนอง
1.ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ โดยไม่ต้องคำนึงว่ากรรมสิทธิในทรัพย์สินนั้นจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ก็ตาม
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้กู้เงินจากนาย B เป็นเงิน 1 แสนบาท โดยที่นาย A นำที่ดินของตนไปจดทะเบียนจำนองไว้กับนาย B และต่อมานาย A ได้กู้เงินจากนาย C อีก 1 แสนบาท โดยไม่ได้มีการนำที่ดินไปจดทะเบียนจำนองแต่อย่างใด ดังนี้ นาย B มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากที่ดินดังกล่าวได้ก่อน นาย C และแม้ว่านาย A จะได้โอนกรรมสิทธิที่ดินแปลงนั้นไปให้บุคคลภายนอกแล้วก็ตามนาย A คงมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากที่ดินแปลงดังกล่าวได้ก่อนเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ได้ไปจดทะเบียนจำนองในที่ดินแปลงดังกล่าว
2.นอกจากนี้ผู้รับจำนองยังมีสิทธิที่จะเรียกเอาทรัพย์สินที่จำนองนั้นหลุดเป็นกรรมสิทธิของตนได้หากเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้
2.1) ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี
2.2) ผู้จำนองมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นท่วมจำนวนเงินอันค้างชำระ
2.3) ไม่มีการจำนองรายอื่น หรือบุริมสิทธิอื่นได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้เอง
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้ทำการกู้เงินจากนาย B เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาทโดยที่นาย A ได้นำที่ดินราคา 1 แสนบาทซึ่งมีราคาเท่ากับเงินกู้ไปจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันการชำระหนี้ของตน โดยตกลงค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ต่อมาอีก 10 ปี นาย A ผิดนัดไม่เคยชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยให้แก่นาย B เลย ดังนั้นเมื่อรวมยอดหนี้คือเงินต้น 1 แสนบาท กับดอกเบี้ยอีก 3 หมื่นบาทแล้วจะเป็นเงิน 1 แสน 3 หมื่นบาท นาย B มีสิทธิฟ้องนาย A ต่อศาลขอให้ศาลสั่งให้นาย A โอนกรรมสิทธิในที่ดินดังกล่าวให้มาเป็นของนาย B ได้เลย โดยไม่ต้องมีการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด
3.ถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายตลาดใช้หนี้ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ หรือ ถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุดเป็นของผู้รับจำนองและราคาทรัพย์นั้นมีราคาต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ ทั้งสองกรณีนี้ เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบจำนวนในเงินที่ยังขาดอยู่นั้น
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้นำที่ดินไปจำนองนาย B เป็นเงิน 1 แสนบาท ต่อมาเมื่อเจ้าหนี้บังคับจำนองเอาที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงินเพียง 5 หมื่นบาท ดังนี้นาย B จะไปบังคับให้นาย A ชดใช้เงินจำนวนที่ยังขาดอยู่อีก 5 หมื่นบาทไม่ได้
ยกเว้นเสียแต่ว่าถ้าในสัญญาจำนองได้ตกลงกันไว้ว่า ในกรณีที่มีการบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระยอดหนี้ เงินที่ยังขาดจำนวนนี้ลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนข้อตกลงเช่นนี้มีผลบังคับได้ไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย ผู้รับจำนองมีสิทธิที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ส่วนที่ยังขาดจำนวนอยู่ดังกล่าวได้อีกจนครบถ้วน
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้นำที่ดินไปจำนองนาย B เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท โดยตกลงกันว่าหากนาย B บังคับจำนองแล้วได้เงินไม่ครบ 1 แสนบาท นาย A ยินยอมชดใช้เงินที่ยังขาดจำนวนอยู่นั้นคืนให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วน ต่อมานาย B บังคับจำนองนำที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงินเพียง 5 หมื่นบาท เงินที่ยังขาดอีก 5 หมื่นบาทนั้น นาย B มีสิทธิบังคับให้นาย A ชำระคืนให้แก่ตนจนครบถ้วนได้
4.ในกรณีที่มีการบังคับจำนอง เมื่อนำที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดแล้วก็ให้นำเงินดังกล่าวชำระหนี้คืนให้แก่ผู้รับจำนอง หากมีเงินเหลืออยู่เท่าใดก็ให้ส่งมอบคืนให้แก่ผู้จำนองผู้รับจำนองจะเก็บไว้เสียเองไม่ได้
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้จำนองที่ดินไว้กับนาย B เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ต่อมาเมื่อนาย B บังคับจำนองได้เงินจากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวเป็นเงิน 2 แสนบาท นาย B ก็หักเงินที่เป็นหนี้ตนอยู่ 1 แสนบาท ส่วนเงินที่ยังเหลืออยู่อีก 1 แสนบาท นาย B ต้องนำไปคืนนาย A
ขอบเขตของสิทธิจำนอง
ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองได้เฉพาะทรัพย์ที่จดทะเบียนจำนองเท่านั้น จะไปบังคับถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนจำนองไม่ได้ เช่น จำนองเฉพาะที่ดินย่อมไม่ครอบถึงโรงเรือนหรือบ้านที่ปลูกภายหลังวันจำนองเว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้าว่าให้รวมถึงบ้านและโรงเรือนดังกล่าวด้วย
– จำนองเฉพาะบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของคนอื่น ก็มีสิทธิเฉพาะบ้านเท่านั้น
– จำนองย่อมไม่ครอบคลุมถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินซึ่งจำนอง เช่น จำนองสวนผลไม้ดอกผลที่ได้จากสวนผลไม้ยังคงเป็นกรรมสิทธิของผู้จำนองอยู่
ทรัพย์สินซึ่งจำนองอยู่นี้ ย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้ดังต่อไปนี้คือ
เงินต้น
ดอกเบี้ย
ค่าเสียหายในการไม่ชำระหนี้ เช่น ค่าทนายความ
ค่าธรรมเนียมในการบังคับจำนอง
วิธีบังคับจำนอง
ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คืนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ผู้รับจำนองจะใช้สิทธิบังคับจำนอง หากถึงกำหนดนัดแล้วลูกหนี้ไม่นำเงินมาชำระ ผู้รับจำนองต้องฟ้องผู้จำนองต่อศาล เพื่อให้ลูกหนี้ปฏิบัติการชำระหนี้ หากไม่ชำระหนี้ ก็ขอให้ศาลสั่งให้นำเอาทรัพย์ที่จำนองนั้นออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ของตน หรือขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์ที่จำนองนั้นหลุดเป็นกรรมสิทธิของตนหากเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้
จะเห็นได้ว่ากฎหมายบังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าการบังคับจำนองจะต้องฟ้องคดีต่อศาลเสมอจะนำเอาที่ดินออกขายทอดตลาดเองไม่ได้ และต้องมีการออกจดหมายทวงหนี้ไปถึงลูกหนี้ก่อนเสมอจะฟ้องคดีโดยไม่มีการบอกกล่าวทวงถามก่อนไม่ได้
การบังคับจำนองนี้จะไม่คำนึงเลยว่าในขณะที่มีการบังคับจำนองนั้น ทรัพย์สินที่จำเลยอยู่ในความครอบครองของใคร หรือลูกหนี้ได้โอนกรรมสิทธิไปยังผู้อื่นกี่ทอดแล้วก็ตาม สิทธิจำนองย่อมติดตามตัวทรัพย์สินที่จำนองไปด้วยเสมอ แม้ว่าจะเป็นการโอนทางมรดกก็ตามสิทธิจำนองก็ติดตามไปด้วย
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้จำนองที่ดินแปลงหนึ่งไว้กับนาย B เป็นเงิน 5 แสนบาท ต่อมานาย A ได้เสียชีวิตลงโดยยกมรดกที่ดินดังกล่าวไปให้นาย D ลูกชายของตน การตายของนาย A ไม่ได้ทำให้สิทธิของการเป็นเจ้าหนี้ของนาย B หมดไป นาย B มีสิทธิบังคับจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวได้แม้ว่าจะเป็นชื่อของนาย D แล้วก็ตาม
หนี้ที่ขาดอายุความไปแล้วจะมีผลกระทบถึงการจำนองหรือไม่
แม้ว่าหนี้ที่เป็นประกันนั้นจะขาดอายุความแล้วก็ตาม ผู้รับจำนองก็ยังมีสิทธิที่จะบังคับจำนองเอาทรัพย์สินที่จำนองได้ ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบถึงสิทธิของผู้รับจำนองในทรัพย์สินที่จำนองแต่อย่างใด แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปีไม่ได้
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้นำที่ดินไปจำนองไว้กับนาย B เป็นเงิน 5 แสนบาทกำหนดชำระคืนในวันที่ 1 มิถุนายน 2520 เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว นาย B ก็ไม่ได้ติดตามทวงหนี้จากนาย A เลยจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2537 จึงได้บังคับจำนองซึ่งหนี้เงินกู้นั้นต้องฟ้องภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ถึงกำหนดซึ่งกรณีหนี้เงินกู้ขาดอายุความไปเป็นเวลานานแล้วนาย A จะต่อสู้ว่าหนี้เงินกู้ได้ขาดอายุความไปแล้วดังนั้นตัวเองจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนอง เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะแม้ว่าหนี้เงินกู้จะขาดอายุความก็ตามแต่สิทธิจำนองยังอยู่ไม่ได้หมดไปตามอายุความนะครับ เพราะฉะนั้นนาย B จึงมีสิทธิบังคับจำนองที่ดินดังกล่าวได้ แต่นาย B จะบังคับในส่วนดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปีไม่ได้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการจำนองเป็นหลักประกันการชำระหนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นหากเจ้าหนี้ประสงค์ที่จะได้รับชำระหนี้คืนแล้ว เจ้าหนี้จึงควรให้ลูกหนี้นำทรัพย์สินมาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ด้วย
การชำระหนี้จำนอง
การชำระหนี้จำนองทั้งหมดหรือแค่บางส่วน การระงับหนี้จำนองไม่ว่าในกรณีใดๆ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงในการจำนองก กฎหมายบังคับให้ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกไม่ได้
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้จำนองที่ดินของตนไว้กับนาย B ต่อมานาย B ยอมปลดจำนองที่ดินดังกล่าวให้แก่นายเอกแต่ทั้งสองฝ่ายมิได้ไปจดทะเบียนการปลดจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อมานาย B โอนการจำนองให้นาย E โดยจดทะเบียนถูกต้อง แล้วนาย E ได้บังคับจำนองที่ดินแปลงนี้ นาย A จะยกข้อต่อสู้ว่านาย B ปลดจำนองให้แก่ตนเองแล้วขึ้นต่อสู้กับนาย E ไม่ได้

การคมนาคม
ทางอากาศ
-วันที่ 2 กันยายน 2554 ที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บริษัท Thai Regional Aviation จำกัด ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โคราช-สุวรรณภูมิ บริษัทเลือกใช้เครื่องบินรุ่น Piper Navajo Chieftain ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมสูง และ มีความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาในการเดินทาง 40 นาที
-วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 สายการบิน กานต์แอร์ ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน จาก ท่าอากาศยานเชียงใหม่ – ท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ( จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี,เสาร์ ) โดยใช้เครื่องบินรุ่น ATR-72 (ปัจจุบันหยุดให้บริการในสายนี้แล้ว)
รถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ มายังจังหวัดนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง คือ
รถโดยสารประจำทาง
- เดินทางจากกรุงเทพฯ
มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศชั้น 1 ชั้น 2 และรถตู้ปรับอากาศ สาย 21 (กรุงเทพฯ – นครราชสีมา) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายังจังหวัดนครราชสีมา ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานเปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 ดังนี้
รถปรับอากาศชั้น 1
-
-
- บริษัท ราชสีมาทัวร์ จำกัด
- บริษัท แอร์โคราชพัฒนา จำกัด
- บริษัท สุรนารีแอร์ จำกัด
รถปรับอากาศชั้น 2
-
-
รถตู้ปรับอากาศ (ไม่รับรายทาง)
-
-
ซึ่งจะให้บริการ รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่สถานีขนส่งทั้งสองแห่ง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากนั้น ยังสามารถที่จะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาได้
- เดินทางภายในจังหวัด
การเดินทางภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง มีขนส่งสาธารณะให้บริการดังนี้คือ
-
-
- รถโดยสารประจำทางหมวด 1 และหมวด 4 (รถสองแถว) วิ่งบริการภายในเขตเทศบาล และ บริเวณใกล้เคียง รถโดยสารหมวด 1 แบ่งออกเป็น 21 สาย วิ่งบริการภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียงไปตามเส้นทางต่าง ๆ
- รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถสามล้อเครื่อง และรถสามล้อ วิ่งให้บริการผู้โดยสารภายในเขตตัวเมือง
- รถแท็กซี่มิเตอร์ (Taxi Meter) เปิดให้บริการในช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 เป็นจังหวัดแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจุดจอดรถแท็กซี่อยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้บริการโดยโทรศัพท์เลขหมายด่วน ปัจจุบันมีรถให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 70 คัน
ถ้าต้องการเดินทางไปต่างอำเภอ จะมีรถโดยสารประจำทางหมวด 4 ให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา หลายสายด้วยกัน สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ มีทั้งประเภทรถสองแถว และ รถบัสโดยสารประจำทางให้บริการ จะมีรถโดยสารไป อำเภอปักธงชัย อำเภอประทาย อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอสูงเนิน สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นั้น จะมีรถโดยสาร ไปเฉพาะ อำเภอพิมาย และ ด่านเกวียน, อำเภอโชคชัย
- เดินทางระหว่างจังหวัด
มีทั้งรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศ หมวด 2 และ 3 จำนวนหลายเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ วิ่งให้บริการผ่านจังหวัดนครราชสีมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) ทุกวัน
นอกจากนี้ มีรถโดยสารประจำทาง ให้บริการรับส่งผู้โดยสารจาก ต้นทางจังหวัดนครราชสีมา ไปยังปลายทางจังหวัดอื่น ในภาคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
-
-
- ภาคอีสาน ได้แก่
- ภาคเหนือ ได้แก่
- ภาคกลาง ได้แก่
- ภาคตะวันออก ได้แก่
- ภาคตะวันตก ได้แก่
- ภาคใต้ ได้แก่
- เดินทางระหว่างประเทศ
-
-
- กรุงเทพฯ-นครราชสีมา – นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ 900 บาท, นครราชสีมา-เวียงจันทน์ 540 บาท)
- เวลา 21.00 น. จากสถานีต้นทาง กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) ถึง บขส. นครราชสีมา แห่งที่ 2 ประมาณ 23.50 น.
- เวลา 18.00 น. จากสถานีต้นทาง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึง บขส. นครราชสีมา แห่งที่ 2 ประมาณ 1 นาฬิกา
- เที่ยววิ่งนอกวันและเวลาราชการ เก็บค่าทำการล่วงเวลา ของด่านตรวจคนเข้าเมืองคนละ 5 บาท โดยจัดเก็บที่สถานีเดินรถ
- เดินทางด้วยรถปรับอากาศ 2 ชั้น 32 ที่นั่ง มีสุขภัณฑ์ พนักงานต้อนรับ และอาหารว่าง
- ติดต่อสถานีเดินรถนครราชสีมา โทรศัพท์ 044-254964 หรือ 1490 เรียก บขส.
ในการเดินทางข้ามแดนจากจังหวัดนครราชสีมา ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สามารถใช้หลักฐาน คือหนังสือเดินทางคือหนังสือผ่านแดน หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวโดยมีแนวปฏิบัติและขั้นตอนดังต่อไปนี้
-
- 1. ใช้บัตรผ่านแดน สำหรับเดินทางเข้าประเทศลาวไม่เกิน 3 วัน 2 คืน และไม่เดินทางไปแขวงอื่น การทำบัตรผ่านแดนทำที่ศาลากลางจังหวัดที่มีชายแดนติดกับลาวโดยใช้หลักฐาน ดังนี้
- รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และบัตรจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ค่าธรรมเนียม
- หากยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องใช้สำเนาสูติบัตรด้วย
- 2. การขอวีซ่า
- ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการของไทยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ในประเทศลาวได้ 30 วัน
- สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาต้องขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทยที่กรุงเทพฯ หรือสถานกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จังหวัดขอนแก่นโดยต้องใช้รูปถ่าย 1 รูป และเสียค่าธรรมเนียม 30 ดอลลาร์สหรัฐ
- สถานีขนส่งผู้โดยสาร
จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังอำเภอ หรือ จังหวัดต่างๆ ดังนี้
สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 86 ถนนบุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา เปิดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 บริหารจัดการโดยเทศบาลนครนครราชสีมา ใช้เป็นสถานีขนส่งภายในจังหวัดเป็นหลัก และมีรถโดยสารปรับอากาศ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ให้บริการ ประกอบไปด้วย
-
-
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 24 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
- พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 6,194 ตารางเมตร
ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 เที่ยว/วัน หรือประมาณ 730,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 50,000 คน/วัน หรือประมาณ 18,000,000 คน/ปี
สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ 29 ไร่ 50 ตารางวา เป็นสถานีขนส่งฯที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่ง คือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดเป็นหลักเส้นทางที่สำคัญคือ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประกอบด้วย
-
-
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 111 ช่องจอด พื้นที่ 17,760 ตารางเมตร
- พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 28,416 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 250 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 1,100 คัน
ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 2 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1,300 เที่ยว /วัน หรือประมาณ 470,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 30,000 คน/วัน หรือประมาณ 11,000,000 คน/ปี
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย มีเนื้อที่ 7 ไร่ บริหารจัดการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย
-
-
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 16 ช่องจอด พื้นที่ 3,280 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 40 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 50 คัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 210 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน /วัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย ตั้งอยู่บริเวณตำบลในเมือง อำเภอพิมาย มีเนื้อที่ 6 ไร่ 54 ตารางวา ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่งคือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2538 ประกอบด้วย
-
-
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 18 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 15 คัน และ รถจักรยานยนต์ ประมาณ 25 คัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 230 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน / วัน
รถไฟ
มีรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรุงเทพ – อุบลราชธานีและกรุงเทพ – หนองคายทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็วและรถธรรมดาวิ่งให้บริการจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาทุกวัน นอกจากนี้ยังมีขบวนรถท้องถิ่นวิ่งให้บริการระหว่างสถานีรถไฟนครราชสีมาไปยังสถานีรถไฟจังหวัดอื่นๆ เช่น สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานีหนองคาย และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีอีกด้วย
สถานีรถไฟนครราชสีมาสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพเป็นระยะทาง 264 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยว